คำพิพากษาย่อสั้น
คดียักยอกโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดเป็นกรรมเดียวโดยระบุไว้ว่า จำเลยได้รับเงินจำนวนตามฟ้องตั้งแต่วันใดถึงวันใดแล้วจำเลยเบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวไป อันเป็นการชัดเจนพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าจำเลยได้เบียดบังเงินจำนวนดังกล่าวไปในระหว่างวันที่โจทก์ได้ระบุไว้ในคำฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยเป็นหลายกระทงความผิดตามจำนวนเงินที่จำเลยรับแต่ละครั้ง จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายในคำฟ้องให้ปรากฏว่าจำเลยรับเงินกี่ครั้งครั้งละเท่าใด คำฟ้องของโจทก์เป็นการครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว
จำเลยฎีกาว่า คดีนี้เหตุเกิดที่สำนักงานของโจทก์ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ทั้งจำเลยที่ 2 ก็มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร และโจทก์มิได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน การที่โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงชลบุรีจึงเป็นการฟ้องผิดเขตอำนาจศาล เช่นนี้ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
เอกสารที่โจทก์อ้างเป็นพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนว่าจำเลยที่ 1 ตกลงจะชดใช้เงินของโจทก์ที่ขาดไปเท่านั้น ไม่มีข้อความใดแสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ตกลงเลิกหรือระงับการดำเนินคดีอาญากับจำเลยที่ 1 แต่ประการใด ข้อตกลงตามเอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงตกลงที่ชดใช้ค่าเสียหายกันในทางแพ่งเท่านั้น มิใช่เป็นการยอมความอันมีผลให้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาของโจทก์ต้องระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2)