คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2537

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กับพวกที่หลบหนี โดยเจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไป ซึ่งผู้เสียหายโดยร่วมกันใช้อุบายหลอกลวงความจริงจำเลยกับพวกมีเจตนาพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารผู้เสียหายถูกจำเลยกับพวกพาตัวไปพักที่โรงแรม พ. พวกของจำเลยที่หลบหนีได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่หลายครั้ง ดังนั้น เมื่อตามคำฟ้องและทางพิจารณาที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาดังกล่าว ซึ่งโจทก์มิได้ฎีกาโต้แย้งให้รับข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปเพื่อสำเร็จความใคร่ของ พ. ผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน จำเลยที่ 1จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 การที่จำเลยที่ 1 ใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายแล้ว พ.พาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารดังกล่าว ก็โดยเจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นซึ่งจำเลยที่ 1 กับพวกได้ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับขู่เข็ญให้ผู้เสียหายค้ำประเวณีในเวลาต่อมา การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันไปโดยเจตนาเพื่อสำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเพียงประการเดียว จึงเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษจำเลยที่ 1บทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคแรกเพียงกระทงเดียว หาใช่เป็นความผิดตามมาตรา 283 วรรคแรก,83 กระทงหนึ่ง และมาตรา 283 วรรคแรก,284 วรรคแรกอีกกระทงหนึ่ง ไม่
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 284
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 215

ผู้พิพากษา

ทองเลื่อน พูลพิพัฒน์
จองทรัพย์ เที่ยงธรรม
สมมาตร พรหมมานุกูล

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android