คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5311/2544

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
หนี้จำนองทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยที่เจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองยื่นขอรับชำระหนี้ต่อศาลชั้นต้นมีจำนวนถึง 13,950,000 บาท แต่เงินสุทธิที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองมีเพียง 7,601,977 บาท การที่เจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า เมื่อได้รับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินในคดีนี้ ซึ่งเป็นเงินกว่า 7,000,000 บาท แล้ว ก็ไม่ติดใจที่จะว่ากล่าวเรียกหนี้สินประการอื่นใดจากผู้ร้องสอดทั้งสองอีกต่อไป ย่อมหมายถึง เจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองตกลงรับชำระหนี้เพียงเงินจำนวนสุทธิทั้งหมดที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวเท่านั้น ส่วนเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแก่โจทก์ ตามที่ปรากฏในบัญชีรับจ่ายเงินในคดีในสำนวนเป็นเงินของเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองที่เจ้าพนักงานบังคับคดีคิดหักไว้เพื่อจ่ายให้แก่โจทก์ ตามที่เจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองได้ตกลงกับโจทก์ไว้ เงินจำนวนดังกล่าวหาใช่เงินที่เหลือจากการขายทอดตลาดหรือเหลือจากการชำระหนี้จำนองให้แก่เจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองซึ่งจะต้องนำมาเฉลี่ยให้แก่โจทก์และผู้ร้องไม่ เมื่อฟังได้ว่าเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองได้รับเงินจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองไปหมดแล้ว ย่อมไม่เหลือทรัพย์ที่ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิสามัญตาม ป.พ.พ. มาตรา 253 (3) จะเข้ามามีส่วนเฉลี่ยได้อีก การพิจารณาคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องต่อไป จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 253

ผู้พิพากษา

ระพินทร บรรจงศิลป
สมชาย จุลนิติ์
ชวลิต ตุลยสิงห์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android