คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2632/2536

 แหล่งที่มา: เนติบัณฑิตยสภา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
บริษัทจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการพัฒนาและเพื่อการเคหะ โจทก์ได้ฝากเงินไว้กับจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คให้โจทก์ โดยไม่มีการประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ทักท้วงไปยังเลขานุการของจำเลยที่ 2 ก็ได้รับ คำตอบว่าใช้ได้เมื่อถึงกำหนดชำระดอกเบี้ยพนักงานของจำเลยที่ 1 ก็นำดอกเบี้ยไปชำระให้แก่โจทก์ ซองใส่เอกสารที่มอบให้โจทก์เป็นของจำเลยที่ 1 พฤติการณ์ดังกล่าวทำให้บุคคลภายนอกโดยทั่วไปเชื่อว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3เป็นการกระทำแทนจำเลยที่ 1 ตลอดมาโจทก์ไม่ได้ตกลงหรือรู้เห็นด้วยว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการกำหนดให้บริษัทเงินทุนปฏิบัติในการกู้ยืมเงินหรือรับเงินจากประชาชนและการกำหนดอัตราดอกเบี้ยหรือส่วนลดที่บริษัทเงินทุนจะ จ่ายหรืออาจเรียกได้ จึงมิใช่นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายอันจะเป็นการนอกวัตถุประสงค์ ของบริษัทจำเลยที่ 1 ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 รับเงินจากโจทก์แล้วไม่ได้มอบหรือนำเงินเข้าบัญชีให้ จำเลยที่ 1 ย่อมเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็น ตัวแทนไม่ส่งมอบทรัพย์สินที่ได้มาแก่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการ และแม้หากตัวแทนจะอาศัยตำแหน่งหน้าที่อ้างชื่อจำเลยที่ 1 หาประโยชน์ใส่ตนก็ตามจำเลยที่ 1 ก็จะอ้างเอาการที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็น ตัวแทนของตนกระทำการทุจริตหรือไม่ส่งมอบเงินแก่ตน นั้นมาบอกปัดความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้สุจริตหาได้ไม่
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 66
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820

ผู้พิพากษา

อำนวย สุขพรหม
เริงธรรม ลัดพลี
ปรีชา เฉลิมวณิชย์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android