คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2747/2537

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่บังคับให้จำเลยที่ 3 และที่ 4 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตามสัญญาจะซื้อขายให้แก่โจทก์ หาทำให้โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทไม่ โจทก์จะได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทต่อเมื่อจำเลยที่ 3 และที่ 4จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยที่ 3 และที่ 4ไม่สามารถจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ได้ โจทก์จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 3 และที่ 4 เท่านั้น กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทยังเป็นของจำเลยที่ 3 และที่ 4 อยู่ ซึ่งตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์พ.ศ.2530 มาตรา 18 (1) บัญญัติว่า เงินค่าทดแทนนั้นให้กำหนดแก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งที่ดินที่ต้องเวนคืน โจทก์จึงไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับเงินค่าทดแทนตามบทบัญญัติดังกล่าว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีหน้าที่จ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทที่ถูกเวนคืนตามกฎหมายโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าทดแทนเพื่มจากจำเลยที่ 1 และที่ 2 อีก
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 มาตรา 18
  • ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 44 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคีณอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 18
  • ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 44 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเวนคีณอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 มาตรา 18

ผู้พิพากษา

สุทธิ นิชโรจน์
เสมอ อินทรศักดิ์
ปราโมทย์ บุนนาค

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android