คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2491

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
จำเลยได้ทำใบรับเงินให้แก่ผู้เสียหาย 1 ฉบับ มีข้อความว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้เสียหาย 1 หมื่นบาท เพื่อซื้อแร่จากจังหวัดยะลามาให้ผู้เสียหาย แล้วจำเลยได้กลับมาแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าได้เอาเงิน 7000 บาท ไปวางมัดจำสำหรับทำสัญญาซื้อแร่ และได้นำเงินที่เหลือมาคืน ต่อมาจำเลยจึงได้ทำสัญญาขายฝากโรงงานถลุงแร่ของจำเลยแก่ผู้เสียหาย จำนวนราคาขายฝากให้ถือเอาหลักฐานที่จำเลยทำไว้กับผู้เสียหาย คือ สัญญากู้ยืม และรับเงินรวม 3 ฉบับ และจำนวนเงิน 1 หมื่นบาท ดังกล่าวข้างต้นได้รวมอยู่เป็นค่าซื้อฝากโรงงานด้วย หลังจากทำสัญญาขายฝากแล้ว ผู้เสียหายจึงได้ทราบว่าจำเลยยักยอกเอาเงิน 7000 บาทซึ่งอ้างว่าไปวางมัดจำซื้อแร่นั้น เอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การที่ผู้เสียหายตกลงทำสัญญากับจำเลย เอาเงินที่หาว่าจำเลยยักยอกไปรวมเป็นราคาค่าซื้อฝากขอโรงงานของจำเลยเสร็จไปแล้วนั้น ผู้เสียหายจะกลับรื้อฟื้นขึ้นมาว่ากล่าวฟ้องร้องไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งขอให้คืนเงินรายนี้ หรือทางอาญาขอให้ลงโทษฐานยักยอก เพราะการตกลงกับจำเลยดังกล่าวข้างต้นนั้น มีผลเป็นการยินยอมไม่ติดใจว่ากล่าวในเงินรายนี้แล้ว
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในท้องสำนวน ศาลฎีกาไม่จำต้องถือตามและมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 314
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15.
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243.

ผู้พิพากษา

ปรีชาวินิจฉัย
ปรีชาวินิจฉัย

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android