คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6529/2537

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทซึ่งอยู่โดยอาศัยสิทธิของ ส. กับพวกที่ทำสัญญาจะซื้อจะขายจากโจทก์แล้วผิดสัญญาจะซื้อจะขายไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาจะซื้อจะขายเป็นเรื่องระหว่างโจทก์และ ส. กับพวก จำเลยมิได้เป็นคู่สัญญาไม่จำต้องปฏิบัติตามหนังสือบอกกล่าวทั้งโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทโดยอ้างว่า ส. กับพวกไม่ชำระเงินที่ค้างตามสัญญาจะซื้อจะขาย โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้ ส.กับพวกชำระแล้วแต่ส. กับพวกไม่ชำระถือว่าสัญญาจะซื้อจะขายเป็นอันเลิกกัน จำเลยอยู่โดยอาศัยสิทธิ ส. กับพวกจึงเป็นการอยู่โดยไม่มีสิทธิเป็นละเมิด ดังนี้เหตุที่อ้างในฟ้องคดีนี้เป็นเหตุที่อ้างขึ้นใหม่คนละเหตุกับคดีก่อน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้จำเลยรับโอนที่พิพาทมาโดยสุจริตจาก ส. เสียค่าตอบแทนและครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ก็เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ซึ่งจะต้องมีการทำสัญญากันระหว่างเจ้าหนี้คือโจทก์กับลูกหนี้คนใหม่คือจำเลย เมื่อปรากฏว่าไม่ได้ทำ หนี้ใหม่ก็ไม่เกิดขึ้น โจทก์กับจำเลยจึงไม่มีนิติสัมพันธ์กัน ส. กับพวกอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายอันเป็นการครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายเลิกกันแล้ว ส. กับพวกและจำเลยไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในที่พิพาทต่อไป การที่จำเลยยังคงอยู่ในที่พิพาทต่อมา จึงเป็นการละเมิดโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148

ผู้พิพากษา

อุระ หวังอ้อมกลาง
ปราโมทย์ ชพานนท์
เสริม บุญทรงสันติกุล

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android