คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2165/2544

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีฟังได้เป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า การที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเป็นการกระทำเพื่อป้องกัน แม้ในวันเกิดเหตุผู้ตายจะเป็นฝ่ายก่อเหตุขับรถยนต์ปิกอัพแซงปาดหน้าจะให้รถยนต์เก๋งที่จำเลยที่ 1 นั่งมาชนกำแพงคอนกรีตกลางถนนหลายครั้ง ก็ไม่ปรากฏว่าผู้ตายจะใช้อาวุธใดทำร้ายจำเลยที่ 1 หรือจะทำร้ายจำเลยที่ 1 ด้วยวิธีอื่นอีก การที่ผู้ตายยังขับรถยนต์ปิกอัพตามมาชนท้ายรถยนต์เก๋งในซอยทั้งที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงยางรถยนต์ปิกอัพแล้ว แม้จะเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 เชื่อว่าผู้ตายจะตามมาทำร้าย แต่ขณะที่จำเลยที่ 1 เปิดประตูรถยนต์เก๋งลงไปยืนที่พื้นข้างประตูรถด้านที่จำเลยที่ 1 นั่งและใช้อาวุธปืนที่จำเลยที่ 1 พาติดตัวมายิงผู้ตายนั้น ผู้ตายก็ยังนั่งอยู่ในรถยนต์ปิกอัพ จำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายช่วงแรก 2 นัด จนกระสุนปืนหมดแล้วกลับเข้าไปในรถยนต์เก๋งเอาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2 ซึ่งเก็บไว้ในรถวิ่งอ้อมท้ายรถยนต์ปิกอัพไปยืนที่ข้างประตูรถด้านที่ผู้ตายนั่งแล้วใช้อาวุธปืนของจำเลยที่ 2 ยิงผู้ตายอีกหลายนัด จนผู้ตายถูกกระสุนปืนที่ด้านขวาของลำตัวถึง 5 นัด การยิงผู้ตายในช่วงหลัง จำเลยที่ 1 ย่อมมีเวลาใคร่ครวญตั้งสติได้แล้ว ทั้งขณะนั้นผู้ตายก็ยังนั่งอยู่ในรถยนต์ปิกอัพ โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายจะทำอันตรายใดแก่จำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรแก่เหตุ
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

ผู้พิพากษา

สมศักดิ์ เนตรมัย
เรืองฤทธิ์ ศรีวรรธนะ
ปรีดี รุ่งวิสัย

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android