คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2530

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

ความว่า ผู้ร้องฎีกา มีเหตุผลที่จะชนะคดีได้ โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นและหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 153)
กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
สืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดอาคารตึก3 ชั้น เลขที่ 980 โรงแรมสีฟ้า ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 78ของนายเดชาบุญชูช่วยตั้งอยู่ที่ตำบลท่าข้ามอำเภอพุนพินจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยยึดเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง ราคาประมาณ400,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการประกาศขายทอดตลาดแล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ไม่ใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธินำยึด ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่พิพาทไว้ก่อน และมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดให้แก่ผู้ร้องต่อไปด้วย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถาบางส่วนพร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 141,166,140)
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ (อันดับ 107) แต่ไม่ปรากฏคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา




คำสั่ง
คดีในชั้นร้องขัดทรัพย์นี้ มีความเกี่ยวพันกับคดีเดิมซึ่งโจทก์ในคดีนี้ได้ฟ้องจำเลยในคดีนี้เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2515 กับนายฮั้งเช็งแซ่เล้า ให้ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองในคดีดังกล่าวร่วมกันรับผิดชำระเงินตามฟ้องโจทก์ในคดีดังกล่าวจึงนำยึดโรงแรมศรีฟ้า ซึ่งเป็นทรัพย์อันเดียวกับที่ถูกยึดในคดีนี้ นายจิ้งเช็งแซ่เล้า ซึ่งเป็นคนเดียวกับผู้ร้องขัดทรัพย์ในคดีนี้ จึงร้องขัดทรัพย์ในคดีดังกล่าวอ้างว่าโรงแรมศรีฟ้าที่ถูกยึดเป็นของตน ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าววินิจฉัยว่านายจิ้งเช็งแซ่เล้าเป็นคนเดียวกับนายฮั้งเช็งแซ่เล้า จำเลยที่ 2 ในคดีนั้น และต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1อยู่แล้ว จึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ คดีถึงที่สุดโดยศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของนายจิ้งเช็งแซ่เล้า และในที่สุดจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์จึงได้ถอนการยึดทรัพย์ในวันเดียวกับที่โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีดังกล่าว โจทก์ได้ฟ้องจำเลยในคดีนี้เรื่องกู้ยืมเงิน ศาลฎีกาพิพากษายืนให้จำเลยใช้เงินตามฟ้อง คดีถึงที่สุด โจทก์จึงได้นำยึดโรงแรมศรีฟ้า ซึ่งเป็นทรัพย์อันเดียวกับที่ถูกยึดในคดีก่อน นายจิ้งเช็งแซ่เล้า ผู้ร้องขัดทรัพย์คนเดียวกันและเป็นน้องชายจำเลย จึงได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ในคดีนี้ อ้างว่าโรงแรมศรีฟ้าที่ถูกยึดเป็นของผู้ร้องโดยผู้ร้องได้เช่าที่ดินจากนายเดชาบุญชูช่วยปลูกโรงแรมโรงแรมศรีฟ้าจึงเป็นของตน เป็นดังนี้จึงเห็นได้ชัดว่านายจิ้งเช็งแซ่เล้าได้ประวิงคดีโดยวิธีร้องขัดทรัพย์ด้วยเหตุต่าง ๆ ตลอดมาเพื่อประสงค์ไม่ให้โจทก์ยึดทรัพย์ขายทอดตลาดได้ ทั้ง ๆ ที่เวลาก็ได้เนิ่นนานมาถึง 10 ปีเศษแล้วโจทก์ก็ยังไม่อาจขายทอดตลาดทรัพย์โรงแรมศรีฟ้าของจำเลยได้ ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ของผู้ร้องดังกล่าวแสดงว่าคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาของผู้ร้องที่ขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดหาได้เป็นไปเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขัดทรัพย์ในระหว่างการพิจารณาแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นไปเพื่อประวิงคดีมากกว่า จากพฤติการณ์ของผู้ร้องดังกล่าวข้างต้น
จึงไม่เห็นสมควรให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยตามคำร้องของผู้ร้อง ให้ยกคำร้อง
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264

ผู้พิพากษา

วิฑูรย์ ตั้งตรงจิตต์
ไมตรี กลั่นนุรักษ์
ประวิทย์ ขัมภรัตน์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android