คำพิพากษาย่อสั้น
คำสั่งศาลล้มละลายกลางที่ให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยมิใช่คำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดที่อุทธรณ์ได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 24 วรรคสอง (1) ถึง (5) จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ แต่ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องแก้ไขข้อผิดพลาด จึงให้รับพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของโจทก์ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ดังกล่าวตามมาตรา 26 วรรคสี่
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมายนัดให้โจทก์วางเงินค่าใช้จ่าย 10,000 บาท รวม 3 ครั้ง โดยหมายนัดฉบับแรกและฉบับที่สามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ระบุที่อยู่อันมิใช่ภูมิลำเนาของโจทก์ มีเพียงหมายนัดฉบับที่สองที่ระบุตรงตามภูมิลำเนาของโจทก์ แต่ก็มีบุคคลอื่นรับหมายไว้แทน ในการรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยนั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้จัดทำบัญชีแสดงรายรับ - จ่ายเงินเพื่อประกอบรายงานศาลขอให้มีคำสั่งปิดคดีตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 133 และขอให้ศาลล้มละลายกลางส่งเงินค่าใช้จ่ายที่โจทก์วางไว้ต่อศาลส่วนที่เหลือไปให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เนื่องจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยได้ ซึ่งจะครบกำหนดขยายระยะเวลาแบ่งทรัพย์สินครั้งที่ 1 ในวันที่ 11 ธันวาคม 2551 แสดงว่าในวันดังกล่าวเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่น่าจะมีกรณีต้องใช้จ่ายเงินเพื่อรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยอีก แต่มิได้รายงานศาลขอขยายระยะเวลาแบ่งทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 124 วรรคสอง โดยรายงานศาลว่าโจทก์ได้รับหมายแจ้งให้วางเงินค่าใช้จ่ายทั้งสามครั้งโดยชอบแล้วไม่วางเงินค่าใช้จ่าย ขอให้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135 (1) หลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 29 เมษายน 2552 ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอวางเงินค่าใช้จ่าย 10,000 บาท ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กลับยอมรับไว้ ต่อมาได้หมายนัดแจ้งให้โจทก์รับคืนไปเป็นเงินเพียง 9,500 บาท แต่ก็ส่งไปยังสถานที่อันมิใช่ภูมิลำเนาของโจทก์ พฤติการณ์ของโจทก์น่าเชื่อว่าโจทก์มิได้ขัดขืนหรือละเลยไม่ให้ประกันตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้ง การที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของจำเลยตามมาตรา 135 (1) จึงเป็นการไม่ชอบ