คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2558

 แหล่งที่มา: ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
 เผยแพร่เมื่อ: 8 ก.พ. 2559 13:08:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีนี้เป็นคดีที่เอกชนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานทางปกครองว่า บิดาโจทก์และผู้มีชื่อซื้อที่ดิน น.ส. ๓ ก. จำนวน ๒ แปลง เนื้อที่รวม ๙๓ ไร่ ๖๐ ตารางวา ได้ยื่นคำขอรังวัดเพื่อรวมที่ดินดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทำการรังวัดแล้วรวมที่ดินทั้งสองแปลงมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ๓ ไร่ ๓ งาน ๓๑ ตารางวา ภายหลังนำไปขอออกโฉนดที่ดิน มีเนื้อที่ ๓๐ ไร่ ๑๓.๕ ตารางวา โจทก์รับมรดกจากบิดาจึงเป็นเจ้าของโฉนดที่พิพาท ต่อมาจำเลยที่ ๑ ขอรังวัดออกโฉนดที่ดินโดยมิได้แจ้งการครอบครอง (ส.ค. ๑) เนื้อที่ ๑๑ ไร่ ทับที่ดินของโจทก์ ในปี ๒๕๕๖ จำเลยที่ ๔ มีคำสั่งให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่โฉนดที่พิพาทลดลงจากเดิม โดยให้เหตุผลว่าโฉนดที่ดินคลาดเคลื่อนการรวมที่ดิน ๒ แปลง มีการนำที่ว่างนอกหลักฐานรวมเข้าไปด้วย การออกคำสั่งของจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์พร้อมทั้งแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่พิพาท ห้ามมิให้จำเลยที่ ๑ รบกวนการใช้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท และเพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ที่ให้แก้ไขรูปแผนที่ในโฉนดที่พิพาท เห็นว่า แม้เหตุแห่งการฟ้องคดีสืบเนื่องมาจากจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ มีคำสั่งให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ในโฉนดที่พิพาทของโจทก์อันเป็นการใช้อำนาจทางปกครองตามกฎหมาย ซึ่งเป็นคำสั่งทางปกครอง แต่การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นของจำเลยที่ ๑ เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
  • ประมวลกฎหมายที่ดิน

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android