คำพิพากษาย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา ไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามกฎหมายไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ในประเด็นที่ว่าจำเลยต้อง รับผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แม้ทุนทรัพย์ในคดีนี้ไม่ถึง 200,000 บาท ก็ไม่ต้องห้ามฎีกาตามกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 51 แผ่นที่ 2-3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้จำนวน 90,000 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันผิดนัด (วันที่ 21 สิงหาคม 2530) จนกว่าจำเลยจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 48)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 50)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินให้โจทก์ไว้ โดยมิได้มีการกู้ยืมเงินกันจริงจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์ฎีกาว่าจำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินโดยได้รับเงินกู้จากโจทก์ ต้องรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกที่แก้ไขใหม่ ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกา โจทก์นั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง