คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์ทั้งสองบรรยายฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์ที่ 2 เพื่อทำนาโดยชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือก จำเลยไม่ชำระค่าเช่า โจทก์ทั้งสองบอกเลิกสัญญาเช่าพร้อมขับไล่จำเลยและเรียกค่าเช่าเป็นข้าวเปลือก ดังนี้ โจทก์ที่ 1 ไม่ใช่คู่สัญญาเช่าที่ดินกับจำเลย แม้โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมก็ฟ้องขับไล่จำเลยตามสัญญาเช่าและเรียกค่าเช่าที่ดินไม่ได้
พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "การเช่านาให้มีการกำหนดคราวละไม่น้อยกว่าหกปี การเช่านารายใดที่ทำไว้โดยไม่มีกำหนดเวลาหรือมีต่ำกว่าหกปี ให้ถือว่าการเช่านารายนั้นมีกำหนดเวลาหกปี" และมาตรา 40 วรรคสอง บัญญัติว่า "ค่าเช่านาให้คิดเป็นรายปี ในอัตราไม่เกินอัตราขั้นสูงที่ คชก. ตำบลกำหนด..." ดังนั้น เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2552 โจทก์ที่ 2 ตกลงให้จำเลยเช่าที่ดินเพื่อปลูกข้าวทำนามีกำหนดเวลาเช่า 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2552 ครบกำหนดเวลาวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 ข้อตกลงที่สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ ตามสำเนารายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานว่า ผู้ให้เช่าเรียกเก็บข้าวเปลือกจากผู้เช่าไร่ละ 9 กระสอบ หากผู้เช่ายังไม่ได้ทำสัญญาเช่า ห้ามผู้เช่าทำนาอีกต่อไปในที่นาของผู้ให้เช่า เป็นการแตกต่างกับบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 และมาตรา 151 โจทก์ที่ 2 ฟ้องคดีก่อนครบกำหนดในวันที่ 12 กรกฎาคม 2558 หาได้ไม่ ส่วนข้อพิพาทเกี่ยวกับการเก็บค่าเช่าและการชำระค่าเช่านั้น โจทก์ยังมิได้ขอให้ คชก. ตำบล พิจารณาวินิจฉัย ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 มาตรา 13 (2) โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเช่าที่ดิน