คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7267/2556

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 16 มิ.ย. 2559 10:31:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
การพิจารณาว่าข้อตกลงในสัญญาหรือสัญญาสำเร็จรูปเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ จำต้องพิจารณาว่าเป็นผลให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้า หรือวิชาชีพ หรือผู้กำหนดสัญญาสำเร็จรูป หรือผู้ซื้อฝากนั้นได้เปรียบผู้บริโภคหรือคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกินสมควรหรือไม่ เมื่อข้อตกลงตามข้อ 1.6 นั้นไม่มีกำหนดระยะเวลาขั้นต่ำที่โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมหากจะชำระหนี้คืนก่อนกำหนดไว้ ทำให้ในกรณีที่โจทก์จะชำระหนี้คืนก่อนกำหนดตามสัญญาซึ่งมีระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันทำสัญญากู้ โจทก์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 2 ของจำนวนเงินต้นที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระหนี้ด้วยอันจะเป็นคุณแก่จำเลยผู้ให้กู้ยืมเงิน ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจการค้าและเป็นผู้กำหนดสัญญากู้ยืมเงินอันเป็นสัญญาสำเร็จรูป โดยทำให้โจทก์ผู้กู้ยืมเงินซึ่งเป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งและเป็นผู้บริโภคต้องปฏิบัติหรือรับภาระเกินกว่าที่วิญญูชนจะพึงคาดหมายได้ตามปกติ อันเป็นข้อตกลงที่อาจถือได้ว่าจำเลยได้เปรียบโจทก์เกินสมควร จึงเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม คงมีผลบังคับได้เพียงเท่าที่เป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง ส่วนปัญหาว่าค่าธรรมเนียมเพียงใดจึงจะเป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีนั้น เห็นว่าค่าธรรมเนียมนี้มีลักษณะทำนองเดียวกับเบี้ยปรับ ซึ่งพิเคราะห์ทางได้เสียทุกอย่างของโจทก์และจำเลยประกอบกับระยะเวลาที่โจทก์นำเงินกู้มาชำระคืนจำเลยเป็นเวลา 3 ปี 10 เดือน 15 วัน นับแต่วันที่โจทก์ได้รับเงินกู้ไป จึงเห็นสมควรกำหนดค่าธรรมเนียมที่โจทก์จะต้องเสียให้แก่จำเลยตามข้อ 1.6 ของสัญญากู้ยืมเงินซึ่งเป็นธรรมและพอสมควรแก่กรณีแล้วเป็นเงิน 10,000 บาท เมื่อโจทก์เสียค่าธรรมเนียมส่วนนี้ให้แก่จำเลยแล้วเป็นเงิน 76,422.85 บาท จำเลยจึงต้องคืนเงินจำนวน 66,422.85 บาท ให้แก่โจทก์
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
  • พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ.2540 มาตรา 4

ผู้พิพากษา

วิรุฬห์ แสงเทียน
ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี
วรงค์พร จิระภาค

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android