คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2556

 แหล่งที่มา: ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
 เผยแพร่เมื่อ: 10 พ.ย. 2557 15:06:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีที่โจทก์ทั้งเจ็ดเป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นเอกชนด้วยกันว่า โจทก์ทั้งเจ็ดเป็นเจ้าของที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑๘๓๔ ส่วนจำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๐๐๑ และเลขที่ ๑๙๑๑ โดยมีแนวเขตติดต่อกันบางส่วน เมื่อจำเลยขอออกโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง ได้ชี้แนวเขตที่ดินรุกล้ำที่ดินของโจทก์ทั้งเจ็ด เจ้าพนักงานที่ดินสอบสวนเปรียบเทียบคู่กรณีแล้วมีคำสั่งออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลย และแจ้งให้คู่กรณีไปฟ้องคดีต่อศาลภายใน ๖๐ วัน โดยไม่ฟังคำคัดค้านของโจทก์ทั้งเจ็ด อันเป็นการกระทำละเมิด ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งสำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขาวารินชำราบ และให้ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งเจ็ด กับให้จำเลยไปลงชื่อรับรองแนวเขตที่ดินตามที่โจทก์ทั้งเจ็ดนำชี้ไว้ หากไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งเจ็ดไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากที่พิพาทอยู่นอกเขตที่ดินของโจทก์ทั้งเจ็ด และอยู่ในเขตที่ดินของจำเลย โจทก์ทั้งเจ็ดไม่เคยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาท คดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งเจ็ดและจำเลยพิพาทกันเรื่องสิทธิในที่พิพาทอันเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน โดยเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการสอบสวนเปรียบเทียบคู่กรณีแล้ว โจทก์ทั้งเจ็ดซึ่งไม่พอใจการสั่งการของเจ้าพนักงานที่ดินจึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๐ วรรคสอง โดยเจ้าพนักงานที่ดินต้องรอเรื่องไว้ จนศาลได้พิพากษาหรือมีคำสั่งถึงที่สุดประการใด จึงดำเนินการต่อไปตามมาตรา ๖๐ วรรคสาม คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกันที่โต้แย้งสิทธิกันในทางแพ่งเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
  • ประมวลกฎหมายที่ดิน
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android