คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2492

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดสัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1,2 โจทก์จึงได้บอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ตอบมาว่า จำเลยไม่ได้ผิดสัญญาโจทก์เป็นฝ่ายผิด จำเลยชอบที่จะบอกเลิกสัญญา ริบเงินมัดจำและเรียกค่าเสียหาย แต่ต่อมาโจทก์กับจำเลยที่ 2 ก็ได้ติดต่อจะซื้อขายกันด้วยวาจาต่อไป แล้วโจทก์ได้เอาสัญญาจะซื้อขายไปให้จำเลยที่ 2 สลักหลังว่าให้ถือสัญญาฉบับนั้นต่อไปแต่จำเลยที่ 2 ไม่ยอมสลักหลังและโอนที่ดิน ดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 3 โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1,2 คืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหาย ต่อเมื่อจำเลยคืนเงินมัดจำและใช้ค่าเสียหายไม่ได้แล้ว จึงขอให้ศาลพิพากษาทำลายการโอนระหว่างจำเลยที่ 1,2,3 และให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา ดังนี้ ประเด็นข้อแรกก็คือ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้กระทำผิดสัญญานั้นหรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยถึงข้อเท็จจริงในข้อที่ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดสัญญา การวินิจฉัยถึงปัญหาเรื่องสิทธิแห่งการขอทำลายการโอน ก็ยังไม่เป็นประเด็นที่จะต้องชี้ขาดก่อนศาลชั้นต้นต้องวินิจฉัยตามลำดับนี้ คือ จำเลยทำผิดสัญญาหรือไม่โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือไม่ และจำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือไม่ จำเลยได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาหรือยัง สัญญาจะซื้อขายนั้นยังคงผูกพันกันต่อมาหรือไม่ จนถึงขณะใด ถ้าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา คำขอของโจทก์ตามฟ้อง จะพิพากษาบังคับได้อย่างไร เพียงใดหรือไม่
 
 
 
 

ผู้พิพากษา

ประมูล สุวรรณศร
มนูภันย์วิมลสาร
ดุลยทัณฑ์ชนาณัติ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android