คำพิพากษาย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินในฐานะผู้ขาย โดยไม่มีข้อความใดที่สื่อความหมายให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 และที่ 3 สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินดังกล่าวจึงมีผลผูกพันและบังคับได้เฉพาะโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 จะอยู่ด้วยในขณะทำสัญญาและจำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยาน ก็หาใช่คู่สัญญากับโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกสัญญาได้
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยประเด็นค่าเสียหายให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ไม่เห็นด้วยเพราะศาลไม่ได้คำนึงถึงความเจริญของที่ดินซึ่งเป็นเหตุให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้นมาพิจารณากำหนดค่าเสียหาย ปรากฏว่าปัญหาดังกล่าวนี้โจทก์เคยยกขึ้นอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย การที่โจทก์ฎีกาในเรื่องดังกล่าวโดยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านว่าที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้วินิจฉัยเรื่องที่โจทก์ฎีกาดังกล่าวไม่ชอบเพราะเหตุใด ฎีกาของโจทก์ข้อนี้จึงเป็นฎีกาที่ไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิงไว้โดยชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้