คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2778/2552

 แหล่งที่มา: สำนักวิชาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 7 ส.ค. 2555 10:06:44

คำพิพากษาย่อสั้น

 
เมื่อปรากฏว่าในวันที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ล้มละลายนั้น จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 อยู่ ซึ่งจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดในหนี้สินของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 อย่างไม่จำกัดจำนวนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1070 ประกอบมาตรา 1077 (2) และกรณีศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้วเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจมีคำขอให้หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดล้มละลายได้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 89 จำเลยที่ 2 จะต่อสู้ว่าตนเองมิได้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหาได้ไม่ จำเลยที่ 2 จึงต้องล้มละลายตามห้าง
ในวันที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ล้มละลาย จำเลยที่ 3 ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่อาจฟ้องให้จำเลยที่ 3 ล้มละลายตามห้างตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 89 ได้ อนึ่ง แม้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 3 เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และมูลหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนที่จำเลยที่ 3 จะออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในหนี้ดังกล่าวภายในกำหนด 2 ปี นับแต่ออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตาม ป.พ.พ. มาตรา 1068 ประกอบมาตรา 1080 แต่การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นคดีนี้เมื่อเกินกำหนดเวลา 2 ปีแล้ว จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าว โจทก์ไม่อาจนำหนี้นี้มาฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นคดีล้มละลายได้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 89
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1068
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1077

ผู้พิพากษา

กีรติ กาญจนรินทร์
รัตน กองแก้ว
พิชัย อภิชาตอำมฤต

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android