คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2509

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

ภรรยาไปพาโจทก์มาฟ้องคดี จึงต้องถือว่าเป็นการดำเนินคดีของโจทก์เองส่วนผลคดีจะเป็นประโยชน์ต่อใครไม่สำคัญ จะว่าเป็นการดำเนินคดีโดย ไม่สุจริตไม่ได้
หากโจทก์ฟ้องแล้ว เมื่อโจทก์ไม่มาเบิกความเอง จะอ้างว่าฟ้องไม่ได้เสียเลยหาได้ไม่ เพราะการที่โจทก์ไม่มาเบิกความต่อศาล ก็ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำดังนั้น แล้วแต่โจทก์จะเสนอพยานหลักฐานใดต่อศาล ส่วนการจะฟังได้หรือไม่ ศาลย่อมวินิจฉัยตามพยานหลักฐานและรูปคดี มิใช่ว่าถ้าโจทก์ไม่มาเบิกความเองแล้วฟังไม่ได้เสียเลย
ประเด็นที่จำเลยต่อสู้ไว้ เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยให้แต่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยนั้น เมื่อพยานหลักฐานได้สืบกันมาแล้ว ศาลฎีกาย่อมหยิบยกขึ้นมาวินิจฉัยให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่
การที่โจทก์ตกลงซื้อที่ดินที่พิพาทจากจำเลยและปลูกเรือนให้ภริยาของตนอยู่ในที่พิพาท แล้วก็ทอดทิ้งไปไม่นำพาในเรื่องซื้อขายกับจำเลยอีก เมื่อภริยาโจทก์ไม่ชำระราคาที่ค้าง ยอมให้เอาที่ดินไปขายให้แก่คนอื่นได้ ทั้งให้ขายเรือนให้ด้วย และเมื่อจำเลยฟ้องภรรยาโจทก์ก็ถอนการคัดค้านในการที่จำเลยจะทำนิติกรรมให้กับคนอื่น พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า คู่กรณีตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายกันแล้วโดยปริยาย
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเพียงให้จำเลยโอนขายที่พิพาทอย่างเดียวมิได้เรียกเงินคืนในการที่โอนขายให้ไม่ได้ ทั้งโจทก์ยังมิได้จัดการให้จำเลยกลับสู่ฐานะเดิมในเหตุเลิกสัญญาจะบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำเพราะเหตุเลิกสัญญาในคดีด้วยไม่ได้ แต่ก็ไม่ตัดสิทธิคู่ความในการดำเนินคดีในผลแห่งการเลิกสัญญา
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 486
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 242
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247

ผู้พิพากษา

พจน์ ปุษปาคม
บุศย์ ขันธวิทย์
เกษม ทิพยจันทร์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android