คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2539

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
จำเลยเป็นผู้มาติดต่อให้ผู้เสียหายทั้งสองไปบรรทุกทรายถึง2ครั้งแม้จะนานวันกันแต่ก็ติดต่อกันและอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันผู้เสียหายทั้งสองย่อมจดจำหน้าตาจำเลยได้เพราะมีการพูดคุยกันด้วยทั้ง2ครั้งเมื่อการเจรจาครั้งแรกไม่ตกลงจำเลยยังหวนกลับมาติดต่ออีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้นเช่นนี้โอกาสที่ผู้เสียหายทั้งสองจะจดจำรูปพรรณของจำเลยย่อมมีมากขึ้นประกอบกับผู้เสียหายทั้งสองไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อนจึงไม่มีเหตุให้ระแวงว่าผู้เสียหายทั้งสองจะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยที่ ประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวเบิกความแตกต่างกันไปบ้างนั้นก็ไม่ใช่ส่วนสาระสำคัญของคดีหากเป็นเพียงข้อปลีกย่อยเท่านั้นไม่ถึงกับทำให้รูปคดีโจทก์มีพิรุธและการที่เจ้าพนักงานตำรวจไปยึดเอารูปถ่ายของจำเลยมาให้ผู้เสียหายทั้งสองดูก่อนมีการจับจำเลยนั้นก็ไม่เป็นเหตุให้รูปคดีโจทก์มีน้ำหนักลดน้อยลงไปแต่อย่างใดเพราะผู้เสียหายทั้งสองจำได้และยืนยันตลอดมาว่าจำเลยเป็นคนร้ายร่วมปล้นทรัพย์ด้วยทั้งฎีกาจำเลยก็รับว่าเป็นคนติดต่อให้ผู้เสียหายทั้งสองบรรทุกทรายไปลงบริเวณที่เกิดเหตุแต่อ้างว่าได้ออกไปจากที่เกิดเหตุก่อนจะเกิดเหตุประมาณ1ชั่วโมงซึ่งเป็นการขัดแย้งกับข้อนำสืบอ้างฐานที่อยู่ของจำเลยพยานฐานที่อยู่ของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ พยานหลักฐานโจทก์เท่าที่นำสืบมาฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะแสร้งทำเป็นติดต่อว่าจ้างผู้เสียหายทั้งสองและล่อให้ผู้เสียหายทั้งสองขับรถยนต์บรรทุกสิบล้อตามไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการปล้นทรัพย์อันเป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227

ผู้พิพากษา

อำนวย หมวดเมือง
ก้าน อันนานนท์
อัครวิทย์ สุมาวงศ์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android