คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2418/2523

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่เป็นธรรม โดยอ้างว่าโจทก์ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และการสอบสวนฟังว่าโจทก์มีมลทินมัวหมองส่อทุจริตซึ่งความจริงโจทก์มิได้กระทำผิดดังที่ถูกกล่าวหา จำเลยให้การว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยชอบด้วยข้อบังคับฯ เพราะโจทก์มีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่อันเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังนี้ ประเด็นที่ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่เสียก่อน ซึ่งข้อนี้โจทก์มีภาระหน้าที่นำสืบตามที่กล่าวอ้างลำพังแต่ คำฟ้อง คำให้การ คำแถลงรับของคู่ความและพยานเอกสารที่คู่ความอ้างส่งต่อศาล ข้อเท็จจริงยังฟังเป็นยุติไม่ได้ว่าโจทก์ได้กระทำผิดวินัยตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ แต่ได้ความว่าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าโจทก์กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง แต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันแน่ชัดถึงขั้นทุจริตต่อหน้าที่อันจะไล่ออกจากงานได้ จึงมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานมีมลทินมัวหมองในเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ตามข้อบังคับฯ ฉะนั้น ที่ศาลแรงงานกลางหยิบยกเฉพาะคำให้การของ ธ.ที่ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนแต่ผู้เดียวมาวินิจฉัยว่าโจทก์มิได้กระทำผิดและไม่มีมลทินมัวหมอง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการสืบพยานหักล้างข้อเท็จจริงผลการสอบสวนให้เห็นเป็นอย่างอื่นจึงไม่ชอบด้วยการพิจารณาว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐาน แม้ข้อนี้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ แต่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้เมื่อข้อเท็จจริงยังไม่อาจรับฟังเป็นยุติได้ และโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างมีหน้าที่นำสืบแถลงไม่สืบพยาน เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีทางชนะคดี
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142

ผู้พิพากษา

ภิญโญ ธีรนิติ
ประทีป ชุ่มวัฒนะ
สมบูรณ์ บุญภินนท์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android