คำพิพากษาย่อสั้น
จำเลยมอบให้โจทก์เป็นผู้หาบริษัทประกันภัยเข้าทำสัญญาประกันภัยกับจำเลย เมื่อสิ้นสุดอายุสัญญาแล้วจำเลยขอให้โจทก์จัดการต่ออายุกรมธรรม์ไปอีก 1 ปี โจทก์ได้จัดการให้และได้ชำระเบี้ยประกันภัยให้แก่บริษัทผู้รับประกันภัยแทนจำเลยไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้จากจำเลย ดังนี้จำเลยจะยกข้อตกลงในสัญญาประกันภัยที่ว่าเมื่อจำเลยไม่ส่งเบี้ยประกันภัยในงวดต่อไป ถือว่าสัญญาประกันภัยเป็นอันสิ้นสุดลงนั้น มาต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัยแทนจำเลยไม่ได้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวจำเลยจะยกเป็นข้อต่อสู้ได้เฉพาะกับบริษัทผู้รับประกันภัยซึ่งเป็นคู่สัญญาเท่านั้น
การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยกรณีนี้ เป็นเรื่องตัวแทนเรียกเงินทดรองที่จ่ายไปคืนจากตัวการ มิใช่กรณีที่โจทก์เป็นผู้ค้าในการดูแลกิจการของผู้อื่น หรือรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นรวมทั้งค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) กรณีเป็นเรื่องไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่น ต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
บริษัทผู้รับประกันภัยได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่เรือของจำเลยซึ่งเอาประกันภัยไว้ถูกปล้น โดยจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ไว้ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยยังมิได้ชำระเงินเบี้ยประกันภัยที่โจทก์จ่ายทดรองไปก่อนคืนให้แก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิยึดหน่วงเงินจำนวนดังกล่าวไว้และมีสิทธินำมาหักกลบลบหนี้กับจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 341