คำพิพากษาย่อสั้น
กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้สั่งเพิกถอนการโอนทรัพย์สินซึ่งลูกหนี้ในคดีล้มละลายได้กระทำไปในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนล้มละลายตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ไม่มีบทบัญญัติว่าจะต้องยื่นต่อศาลภายในเวลาใด จึงต้องนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มาใช้บังคับ(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 702-705/2513)
ก่อนที่จะถูกโจทก์ฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย ลูกหนี้ได้ทำสัญญายอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์อยู่เป็นเงินจำนวนหนึ่ง ต่อมาลูกหนี้จึงได้หย่ากับภริยาและโอนที่ดินสินสมรสให้ จึงฟังได้ว่าการโอนที่ดินดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและไม่มีค่าตอบแทน เมื่อได้กระทำในระหว่างระยะเวลาสามปีก่อนล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิร้องต่อศาลให้เพิกถอนการโอนนั้นได้ตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 และบุคคลภายนอกแม้จะรับโอนต่อมาโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน แต่เป็นการโอนในภายหลังที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายแล้ว ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 116
ก่อนล้มละลายและก่อนที่ลูกหนี้จะทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์ ลูกหนี้ได้โอนทรัพย์สินที่จำนองไว้กับธนาคารบางส่วนให้แก่ธนาคาร แต่ยังมีทรัพย์จำนองเหลืออยู่อีกซึ่งมีราคาสูงกว่าหนี้จำนองที่เหลือเป็นจำนวนมาก และลูกหนี้ยังคงประกอบการค้าขายต่อไปตามปกติทั้งเป็นเวลาก่อนที่ลูกหนี้จะได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์ ดังนี้เชื่อได้ว่าธนาคารรับโอนทรัพย์สินไว้โดยไม่ทราบว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว และทรัพย์สินที่รับโอนไว้ก็เป็นทรัพย์สินที่จำนองจำนำไว้กับธนาคาร แม้ลูกหนี้จะถูกฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย ธนาคารในฐานะเป็นเจ้าหนี้มีประกันย่อมมีสิทธิพิเศษที่จะขอรับชำระหนี้จากทรัพย์สินดังกล่าวได้ตามมาตรา 96 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ดังนั้น การที่ธนาคารรับโอนทรัพย์สินที่รับจำนองจำนำไว้จากลูกหนี้เพื่อชำระหนี้บางส่วน จึงไม่ทำให้ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นด้วย