คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2528

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
การที่ ส.พยานโจทก์เบิกความต่อศาลแตกต่างจากที่เคยให้การไว้ในชั้นสอบสวนนั้นในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงแห่งคดี ศาลจะต้องใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงในสำนวนว่าควรจะฟังได้เพียงใดหรือไม่มิใช่ว่าพยานเบิกความอย่างไรแล้ว จะต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของพยานเสมอไป และไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติห้ามมิให้ศาลรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของพยานเป็นข้อประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนจะรับฟังได้เพียงใดหรือไม่นั้นก็สุดแล้วแต่เหตุผลเป็นเรื่องๆ ไป
แม้ ส.มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยในการกระทำผิดดังที่ศาลได้พิพากษาลงโทษไปแล้วแต่ตามสำนวนการสอบสวนคดีนี้ปรากฏว่า ส. ให้การต่อพนักงานสอบสวนในฐานะพยาน มิใช่ในฐานะผู้ต้องหาหรือจำเลย และศาลมีอำนาจเรียกสำนวนการสอบสวนดังกล่าวเพื่อประกอบการวินิจฉัยได้อยู่แล้วดังนั้น ที่ศาลรับฟังคำให้การชั้นสอบสวน ของ ส. เป็นข้อประกอบการพิจารณาของศาล จึงไม่ขัดต่อกระบวนวิธีพิจารณาความ
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 26
  • พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 76
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 175
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227

ผู้พิพากษา

กิติ บูรพรรณ์
ชูเชิด รักตะบุตร์
ประการ กาญจนศูนย์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android