คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 579/2549

 แหล่งที่มา: สำนักวิชาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 14 ก.ค. 2551 13:34:19

คำพิพากษาย่อสั้น

 
การกระทำความผิดฐานหลอกลวงหรือฉ้อโกงผู้เสียหายทั้งสิบและประชาชน โดยสภาพเป็นการกระทำต่อบุคคลหลายคนซึ่งอาจกระทำต่อบุคคลเหล่านั้นต่างวาระกันได้ การกระทำที่จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมสำหรับความผิดฐานนี้ ย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของการกระทำที่มีเจตนามุ่งกระทำเพื่อให้เกิดผลต่อผู้เสียหายหรือประชาชนเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้งมิได้พิจารณาจากจำนวนของผู้เสียหายหรือประชาชนที่ถูกหลอกลวงแต่ละคนเพียงอย่างเดียวเป็นเครื่องชี้เจตนาของผู้กระทำ เมื่อไม่ได้ความชัดเจนว่าจำเลยทั้งสองหลอกลวงผู้เสียหายคนละวัน เวลา และในสถานที่แตกต่างกันเพียงพอที่แสดงให้เห็นเจตนาที่ประสงค์จะให้เกิดผลแยกออกจากกัน การที่จำเลยทั้งสองหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบคนและประชาชน จึงไม่อาจชี้ได้ว่าเป็นการกระทำความผิด 10 กระทง แต่การที่จำเลยทั้งสองได้หลอกลวงกู้ยืมเงินผู้เสียหายที่ 1 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 กลุ่มหนึ่ง จากนั้นได้แบ่งแยกหน้าที่กันทำในลักษณะเดียวกัน โดยจำเลยที่ 1 หลอกลวงกู้ยืมเงินผู้เสียหายที่ 2 ที่ 5 และ ม. กลุ่มหนึ่งและจำเลยที่ 2 หลอกลวงกู้ยืมเงินผู้เสียหายที่ 3 ที่ 8 ที่ 9 ที่ 10 ห. ช. และ ฟ. อีกกลุ่มหนึ่ง เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำการหลอกลวงผู้เสียหายและประชาชนต่างกลุ่ม ต่างเวลา และสถานที่กันโดยเจตนาให้เกิดผลต่อผู้เสียหายและประชาชนแต่ละกลุ่มแยกต่างหากจากกัน อันนับว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกันการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดรวม 3 กระทง
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

ผู้พิพากษา

เฉลิมชัย จารุไพบูลย์
พิชิต คำแฝง
สุรภพ ปัทมะสุคนธ์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android