คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7035/2547

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีเดิมโจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุลักทรัพย์เกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2544 เวลากลางวัน จำเลยถูกจับวันที่ 19 พฤษภาคม 2544 และเหตุรับของโจรเกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2544 เวลากลางวันถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2544 ส่วนคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุลักทรัพย์เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2544 จำเลยถูกจับวันที่ 19 พฤษภาคม 2544 เวลากลางวัน และเหตุรับของโจร เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2544 ถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2544 วันเวลากระทำความผิดในคดีก่อนและคดีนี้ทั้งในความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรต่างกัน โจทก์จะฟ้องรวมกันมาเป็นคดีเดียวกันหรือจะแยกฟ้องเป็นคนละคดีก็ได้ เมื่อโจทก์แยกฟ้องจำเลยในคดีก่อนและคดีนี้คนละคดีเป็นรายกระทงความผิด และจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรในชั้นพิจารณาของแต่ละคดี จึงเป็นการรับสารภาพว่ากระทำความผิดฐานรับของโจรในแต่ละคดี ซึ่งเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระคนละกระทงความผิดกัน แม้ว่าจำเลยจะถูกจับในวันที่ 19 พฤษภาคม 2544 วันเดียวกัน และเจ้าพนักงานตรวจยึดทรัพย์ของผู้เสียหายได้จากจำเลยในคราวเดียวกัน แต่วันดังกล่าวเป็นวันที่จำเลยถูกจับมิใช่วันกระทำความผิด และทรัพย์ที่ยึดได้ก็เป็นทรัพย์ของผู้เสียหายคนละคนต่างรายกัน ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดวันเดียวกัน แม้คดีก่อนศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เมื่อการกระทำความผิดต่างกรรมกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้ย่อมไม่เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357

ผู้พิพากษา

สิทธิชัย รุ่งตระกูล
สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
อุดมศักดิ์ นิติมนตรี

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android