คำพิพากษาย่อสั้น
กระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ในบริษัทจำเลยเกินกว่าร้อยละห้าสิบจำเลยจึงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามความใน พระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 มาตรา 4(ข) และ พระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา4(2).
จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลังต้องปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่งของรัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือมติของคณะรัฐมนตรีรวมทั้งพนักงานหรือลูกจ้างของจำเลยซึ่งเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก็ตกอยู่ภายใต้บังคับของมติคณะรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน เมื่อมีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดว่าห้ามรัฐวิสาหกิจปรับปรุงค่าจ้าง เงินเดือน หรือผลประโยชน์อื่นใดที่คิดเป็นตัวเงินได้เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ และต่อมากำหนดเพิ่มเติมว่า ให้รัฐวิสาหกิจหารือกับกระทรวงการคลังก่อน ผู้แทนของโจทก์และจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงมีความว่า จำเลยตกลงจะปรับเงินเดือนแก่พนักงานทุกคนคนละ 1 อันดับจากอัตราที่ได้รับอยู่ปัจจุบัน และจำเลยตกลงที่จะเสียภาษีเงินได้สำหรับเงินค่าชดเชยแทนพนักงานและลูกจ้างซึ่งออกจากงานเนื่องจากถูกเลิกจ้างและสูงอายุ โดยผู้แทนของจำเลยมิได้หารือกระทรวงการคลัง และมิได้รับอนุญาตจากคณะรัฐมนตรี ดังนี้ข้อตกลงทั้งสองข้อดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับ แม้การทำข้อตกลงจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาโดยชอบตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ ก็ไม่เป็นเหตุให้เป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับกันได้โจทก์จึงจะนำข้อตกลงดังกล่าวมาฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามคำขอท้ายฟ้องมิได้ (อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2525).(ที่มา-ส่งเสริมฯ)