คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2533

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
ผู้เสียหายกับพวกไม่พอใจจำเลยในการแบ่งเงินค่าจ้างที่ได้จากการรับจ้างตัดไม้ จึงพากันเข้าไปหาเรื่องและชกต่อยจำเลยก่อนโดยจำเลยมิได้สมัครใจวิวาทด้วย แต่เมื่อผู้เสียหายชกจำเลยแล้วไม่ปรากฏว่าจะทำร้ายจำเลยต่อไปอีก ถือว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีภยันตรายที่จำเลยจักต้องกระทำเพื่อป้องกันอีก การที่จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากถูกชกจึงไม่เป็นการป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 แต่ถือได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เป็นการกระทำความผิดด้วยเหตุบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ผู้เสียหายกับจำเลยไม่มีเหตุโกรธเคืองกันอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องเอาชีวิตกัน ถึงแม้มีดของกลางซึ่งเฉพาะตัวมีดยาว19 เซนติเมตร จะมีขนาดที่ใช้ทำร้ายให้ถึงตายได้และผู้เสียหายถูกแทงตรงบริเวณราวนมซ้ายซึ่งเป็นอวัยวะส่วนที่สำคัญ แต่จำเลยก็แทงเพียงทีเดียวในทันทีทันใดหลังจากถูกทำร้ายโดยไม่มีโอกาสเลือกตำแหน่งที่จะแทงได้เลย ทั้งไม่มีเวลาคิดทบทวนที่จะกระทำต่อผู้เสียหายในลักษณะใด และได้ใช้อาวุธเท่าที่มีอยู่กระทำไปในช่วงที่ยังอยู่ในโทสะเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะฆ่าผู้เสียหาย คงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น.
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59

ผู้พิพากษา

อุดม เฟื่องฟุ้ง
พัลลภ พิสิษฐ์สังฆการ
อากาศ บำรุงชีพ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android