คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2129/2532

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
การฟ้องคดีอาญาด้วย วาจาต่อ ศาลแขวงนั้น กฎหมายมิได้บัญญัติไว้เคร่งครัดเหมือนกับการฟ้องคดีด้วย ลายลักษณ์อักษรเพียงแต่ มีรายละเอียดพอสมควร ให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ ดี ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยที่ 1 ถึง ที่ 5ฝ่ายหนึ่ง กับจำเลยที่ 6 ถึง ที่ 9 อีกฝ่ายหนึ่ง สมัครใจเข้าทำร้ายร่างกายซึ่ง กันและกัน โดย จำเลยที่ 1 ถึง ที่ 5 ร่วมกันชกต่อยฟัดเหวี่ยงทำร้ายจำเลยที่ 6 ถึง ที่ 9 ส่วนจำเลยที่ 6 ถึง ที่ 9ร่วมกันชกต่อยฟัดเหวี่ยงทำร้ายจำเลยที่ 1 ถึง ที่ 5 ย่อมมีความหมายว่าแต่ละฝ่ายมีพวกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ได้ ร่วมกันกระทำความผิดในการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง ในฐานะ เป็นตัวการ ซึ่ง โจทก์ได้ อ้างประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 มาด้วย แล้ว แม้โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยคนใดชกต่อยหรือทำร้ายจำเลยคนใดก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองฝ่ายต่าง ทำร้ายซึ่ง กันและกันเป็นเหตุให้จำเลยที่ 124 และ 6 มีบาดแผลดังที่บรรยายรายละเอียดมาในฟ้องแล้ว ทั้งระบุว่าเป็นอันตรายแก่กายด้วย จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ เท่ากับยอมรับในข้อเท็จจริงตาม คำฟ้องว่า บาดแผลดังกล่าวเป็นอันตรายแก่กายจริง จำเลยจะฎีกาโต้เถียงว่าบาดแผลนั้นยังไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายไม่ได้ เพราะเป็นการโต้เถียง ข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว.
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 172
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 19

ผู้พิพากษา

สุวรรณ ตระการพันธุ์
โสภณ รัตนากร
กู้เกียรติ สุนทรบุระ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android