คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2532

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ทำสัญญาจะขายที่ดินแก่โจทก์ 3โฉนด ต่อมาจำเลยที่ 4 ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินในโฉนดหนึ่งที่ทำสัญญาจะขาย และได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะบังคับเอาที่ดินจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่เต็มตามส่วนที่ควรจะได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบและเสียหาย แต่โจทก์เป็นบุคคลภายนอกจะฟ้องขอให้หเพิกถอนคำพิพากษาตามยอมของคู่ความในคดีอื่นซึ่งถึงที่สุดแล้วไม่ได้ ทั้งสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวไม่ใช่คำพิพากษาแสดงหรือวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ที่ดิน ดังนั้นสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลูกหนี้กับจำเลยที่ 4 จึงไม่ผูกพันโจทก์.(ที่มา-ส่งเสริม)
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145

ผู้พิพากษา

สุทิน นนทแก้ว
พนม พ่วงภิญโญ
ประเสริฐ บุญศรี

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android