คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9259/2538

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
จำเลยทำสัญญากับโจทก์ซึ่งไม่ได้ประกอบอาชีพทนายความว่าจำเลยว่าจ้างสำนักงานทนายความ บ.ว่าความเรียกร้องที่ดินคืนจาก พ. ทั้งนี้จำเลยให้สำนักงานทนายความ บ. โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นไปก่อน หากได้เงินหรือที่ดินคืน จำเลยจะใช้คืนและจะให้บำเหน็จค่าจ้าง โดยหากได้ที่ดินกลับคืนมาจำนวน 5 ไร่เศษ จะแบ่งที่ดินให้จำนวน 2 ไร่หากได้ที่ดินน้อยกว่านี้จะแบ่งให้ลดหย่อนลงตามส่วนสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาระหว่างโจทก์ผู้แทนสำนักงานทนายความ บ. กับจำเลยโจทก์จึงเป็นผู้ทำสัญญาดังกล่าวแทนทนายความในสำนักงานทนายความ บ.แม้ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528มาตรา 27(3)(จ) และมาตรา 51 จะมิได้มีข้อห้ามทนายความเรียกค่าจ้างว่าความโดยวิธีแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความสัญญาดังกล่าวจึงไม่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายก็ตาม แต่การเรียกค่าจ้างว่าความโดยวิธีดังกล่าวเป็นการให้ทนายความเข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีทำนองเป็นการซื้อขายความกันและเป็นการยุยงส่งเสริมให้เป็นความกันสัญญาดังกล่าวจึงมีวัตถุประสงค์เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เดิมที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 เดิม
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150
  • พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 27 ( จ
  • พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 51
  • พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 51

ผู้พิพากษา

ไพศาล รางชางกูร
อร่าม หุตางกูร
ระพินทร บรรจงศิลป

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android