คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4304/2541

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความ แต่มีบันทึกคำให้การของผู้เสียหายในชั้นสอบสวนและคำเบิกความของผู้เสียหาย ในคดีที่พวกของจำเลยถูกฟ้องในเหตุการณ์เดียวกันมาส่งอ้างต่อศาล ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่า จำเลยร่วมเป็นคนร้ายคนหนึ่งด้วย ทันที ที่ผู้เสียหายหลบหนีจากจำเลยกับพวกกลับมาถึงบ้านได้ไปแจ้งความ ต่อพนักงานสอบสวน และให้ถ้อยคำยืนยันเหตุการณ์และ รายละเอียดของพฤติการณ์ต่าง ๆ มาโดยตลอด เมื่อฟังประกอบ พยานโจทก์คนอื่น ๆ ซึ่งเป็นพยานพฤติเหตุแวดล้อมและใกล้ชิด กับเหตุการณ์แล้ว มีน้ำหนักฟังได้ว่า จำเลยเป็นคนร้าย จำเลยกับพวกบุกรุกเข้าไปฉุด ผู้เสียหายและพาออกจากบ้าน ระหว่างทางจำเลยกับพวกข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแล้วพาตัวผู้เสียหายไปกักขังไว้ การกระทำดังกล่าวของจำเลยจึงเป็น การกระทำความผิดต่อตัวผู้เสียหายโดยตรงต่อเนื่องกันไปไม่ขาดตอน โดยมีเจตนาประสงค์ต่อผลในการที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปข่มขืน กระทำชำเรา แม้จำเลยกับพวกจะกักตัวผู้เสียหายไว้อีก ก็เนื่องมาจากความประสงค์เดียวกันทั้งสอง การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหลายหลายบท ต้องลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มี โทษหนักที่สุด ส่วนการที่จำเลยพรากผู้เสียหายไปจากมารดา ของผู้เสียหายนั้น แม้จะเป็นการกระทำในคราวเดียวกัน แต่ความผิด ฐานนี้เป็นความผิดที่ได้กระทำต่อมารดา ผู้เสียหาย จึงถือได้ว่าจำเลย มีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดต่างฐาน ต่างหากจากกัน มิใช่ความผิดกรรมเดียวกับความผิดข้างต้น
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227

ผู้พิพากษา

อัธยา ดิษยบุตร
สมคิด ไตรโสรัส
เสริมศักดิ์ ผลัดธุระ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android