คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2541

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คำเบิกความของผู้เสียหายที่ว่าวันเกิดเหตุผู้เสียหายนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างออกจากที่ทำงานของน้องชายไปลงที่ปากซอยประชาอุทิศ 33 ขณะที่ผู้เสียหายกำลังลงจากรถจักรยานยนต์ได้พบกับจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 2 บอกให้ผู้เสียหายหยุด แล้วเข้าไปจับมือผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 1กอดผู้เสียหายทางด้านหลัง จากนั้นจำเลยที่ 2 ล้วงเอาหนังสือเดินทางและเงินสด 5,800 บาทของผู้เสียหายจากกระเป๋าเสื้อ กับดึงแว่นตาและถอดนาฬิกาไป ทั้งพูดว่าจะเอาตัวผู้เสียหายไปด้วย ผู้เสียหายกลัวจึงร้องขอความช่วยเหลือและดิ้นจนหลุด วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอยโดยถอดรองเท้าแตะทิ้งไว้นั้น คงมีแต่ตัวผู้เสียหายเท่านั้นที่ยืนยันถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น น้องชายของผู้เสียหายและ ช. ซึ่งเป็นพยานแวดล้อมที่สำคัญ โจทก์มิได้นำตัวมาเบิกความสนับสนุนเพื่อให้สมตามคำอ้างของผู้เสียหายปรากฏว่าขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน ทั้งสถานที่เกิดเหตุอยู่ในแหล่งชุมชนมีประชาชนเดินผ่านไปมาตลอดและเป็นคิวรถจักรยานยนต์รับจ้าง หากจำเลยทั้งสองลงมือกระทำความผิดดังที่ผู้เสียหายเบิกความก็น่าจะมีคนเห็น และสามารถอ้างบุคคลที่รู้เห็นมาเป็นพยานได้ไม่ยาก ประกอบกับผู้เสียหายแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ้าพนักงานทราบและขอให้ไปจับจำเลยทั้งสองภายหลังเกิดเหตุแล้วถึง 8 วัน ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุพิเศษใดจึงปล่อยให้เนิ่นช้าถึงขนาดนั้น ทั้งที่ผู้เสียหายรับว่ารู้จักจำเลยที่ 2 เป็นอย่างดีตั้งแต่อยู่ที่ประเทศอินเดีย น่าจะทราบที่อยู่ของจำเลยที่ 2 ได้และควรรีบดำเนินการเพื่อจับจำเลยทั้งสองทันที นอกจากนี้ทรัพย์สินที่ผู้เสียหายอ้างว่าถูกจำเลยทั้งสองชิงไปนั้นก็หาได้ยึดคืนมาไม่เว้นแต่รองเท้าแตะของกลาง ซึ่งตามรูปเรื่องข้อเท็จจริงอาจจะเป็นไปดังที่จำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่าวันเกิดเหตุผู้เสียหายนัดจำเลยที่ 2 ไปรับเงินที่ยืม 5,000 บาทโดยจำเลยที่ 2 ชวนจำเลยที่ 1 ไปด้วย แต่ผู้เสียหายกลับขอผัดผ่อน จำเลยที่ 2 ไม่ตกลง และขอให้ผู้เสียหายไปเจรจากันที่บ้าน ผู้เสียหายไม่ยอมวิ่งหลบหนีไปโดยทิ้งรองเท้าแตะไว้ จำเลยทั้งสองจึงเก็บรองเท้าแตะเพื่อส่งคืนให้ผู้เสียหายในวันหลังก็ได้ เช่นนี้ เมื่อพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงยังไม่อาจเชื่อได้โดยสนิทใจว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิด กรณีมีเหตุควรสงสัยให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227

ผู้พิพากษา

สุนทร สิทธิเวชวิจิตร
อร่าม หุตางกูร
อำนวย เต้พันธ์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android