คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2541

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
แม้เหตุจะเกิดเวลากลางคืนแต่พยานโจทก์ทั้งสามก็มีโอกาสเห็นจำเลยที่ 2 โดยใกล้ชิดเป็นเวลานานพอสมควร ซึ่งในบ้านพักนั้นมีแสงเทียนและแสงไฟฉายที่จำเลยที่ 1 ใช้ส่องหาทรัพย์สินทั้งขณะผู้เสียหายที่ 1 เข้าแจ้งต่อผู้ใหญ่บ้านและเจ้าพนักงานตำรวจก็ระบุว่าจำจำเลยทั้งสองได้ เมื่อพนักงานสอบสวนจัดให้มีการชี้ตัวคนร้ายผู้เสียหายที่ 1 และ ส. ชี้ตัวจำเลยที่ 2ได้ถูกต้อง ได้ความว่าหลังเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกกระสุนปืน จำเลยที่ 1 เป็นผู้พาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำเลยที่ 2 แจ้งต่อแพทย์ผู้รักษาบาดแผลว่าถูกกระสุนปืนเมื่อเวลา1 นาฬิกาของวันที่ 26 มกราคม 2538 ซึ่งตรงกับวันเวลาเกิดเหตุและสอดคล้องกับคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 ที่ให้การว่าได้ร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ผู้ตายแต่ผู้ตายขัดขืนจำเลยที่ 2จึงจับผู้ตายไว้แล้วจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงผู้ตายกระสุนพลาดไปถูกจำเลยที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจติดตามไปจับจำเลยทั้งสองที่บ้าน ป. เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 1 ได้ ส่วนจำเลยที่ 2 วิ่งหลบหนีไปทางหลังบ้านเข้าไปในป่ากกเจ้าพนักงานตำรวจต้องระดมกำลังออกค้นหาเป็นเวลานาน 1 ชั่วโมง จึงพบจำเลยที่ 2 ซ่อนตัวอยู่ในป่ากกการที่จำเลยที่ 2 วิ่งหลบหนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหลบซ่อนอยู่ในป่ากก เช่นนี้ย่อมเป็นข้อพิรุธในการกระทำผิดของจำเลยที่ 2ชั้นจับกุมจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพและนำเจ้าพนักงานตำรวจไปเอาอาวุธปืนที่ใช้ในการกระทำความผิดจากที่ซ่อน ทั้งชั้นสอบสวนจำเลยที่ 2 ก็ให้การรับสารภาพ นำชี้ที่เกิดเหตุและแสดงท่าทางประกอบคำรับสารภาพ พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวประกอบกันจึงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายที่ 1 ที่ 2 และพยายามปล้นทรัพย์ผู้เสียหายที่ 3โดยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 3 ถึงแก่ความตาย แม้พยานโจทก์จะเบิกความแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับจะรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่ใช่คนร้ายในคดีนี้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227

ผู้พิพากษา

ไพโรจน์ คำอ่อน
ชวลิต ศรีสง่า
วิเทพ ศิริพากย์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android