คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5133/2539

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิด ทำลายและปิดกั้นทางสาธารณประโยชน์ ทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้ ทางสาธารณะดังกล่าวเข้าไปทำไร่อ้อยในที่ดินของโจทก์ได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท ท้ายฟ้องโจทก์ขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย แก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท จึงเป็นคดี มีทุนทรัพย์ การที่ศาลชั้นต้นพิจารณาประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยปิดกั้นและทำลายทางสาธารณประโยชน์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ การพิจารณาว่ามีทางสาธารณประโยชน์อยู่ตามฟ้อง หรือไม่ ก็เพื่อวินิจฉัยข้ออ้างอันจะนำไปสู่ข้อหาของโจทก์ ที่ว่า จำเลยกระทำการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่เท่านั้น ดังนี้ โจทก์หาได้ฟ้องขอให้มีการปลดเปลื้องทุกข์ของโจทก์ในการใช้ทางพิพาทไม่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 20,000 บาทแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ว่า ไม่มีทางสาธารณประโยชน์ตามที่โจทก์ กล่าวอ้าง อันเป็นการอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ ซึ่งต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นคดีที่ฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวน เป็นราคาเงินได้ แล้วพิจารณาพิพากษาคดีไปตามอุทธรณ์ ของจำเลยไปเป็นการไม่ชอบและเมื่ออุทธรณ์ของจำเลย เป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมายแล้ว ต้องถือว่า ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกา การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ของจำเลยมานั้น จึงไม่ชอบเช่นกัน ศาลฎีกาไม่รับ วินิจฉัยให้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

ผู้พิพากษา

จารุณี ตันตยาคม
สมปอง เสนเนียม
ผล อนุวัตรนิติการ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android