คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3121/2539

 แหล่งที่มา: เนติบัณฑิตยสภา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
ก่อนเลิกจ้าง จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างมีคำสั่งให้โจทก์ทั้งสามร้อยสี่สิบเอ็ดไม่ต้องมาทำงาน โดยจะจ่ายค่าจ้างให้กึ่งหนึ่ง แต่โจทก์ทั้งหมดไม่พอใจจึงไปร้องเรียนต่อกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม การที่โจทก์ทั้งหมดหยุดงานเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้าง มิใช่เป็นการนัดหยุดงานเมื่อมีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518เมื่อจำเลยที่ 1 เลิกจ้างโจทก์โดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าและโจทก์ไม่มีความผิด จึงต้องจ่ายค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 ให้แก่โจทก์ทั้งหมด ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 2 ได้นิยามคำว่า นายจ้าง ไว้ว่า ในกรณีที่นายจ้างเป็นนิติบุคคล ให้หมายถึงผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลและรวมถึงผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานแทนผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลนั้นด้วย ดังนั้นจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทจำเลยที่ 1 จึงเป็นนายจ้างของโจทก์ตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วย ต้องร่วมกันรับผิดจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1167 กำหนดให้ความเกี่ยวพันกันในระหว่างกรรมการและบริษัทและบุคคลภายนอกต้องบังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยตัวแทนเมื่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 เลิกจ้างโจทก์โดยกระทำภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวตามมาตรา 823
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1167
  • ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน มาตรา 1167

ผู้พิพากษา

ณรงค์ ตันติเตมิท
พรชัย สมรรถเวช
ชลอ บุณยเนตร

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android