คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2519

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
จำเลยทั้งสามนั่งรถยนต์แล่นช้า ๆ ผ่านหน้าบ้านที่ผู้เสียหายกำลังทำความสะอาดอยู่ 2 เที่ยว จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นคนขับ จอดรถโดยไม่ดับเครื่อง ห่างผู้เสียหาย 2 เมตร จำเลยที่ 1 ลงจากรถไปข้างหลังผู้เสียหาย ใช้แขนรัดคอกระชากสร้อยคอแล้ววิ่งมาขึ้นรถ โดยจำเลยที่ 2 เฝ้าดูการกระทำอยู่ตลอดเวลา เสร็จแล้วหนีไปด้วยกัน และถูกจับได้พร้อมกันในเวลาต่อมาไม่นาน จำเลยที่ 2 รับสารภาพต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้ทำบันทึกจับกุม เช่นนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ลงมือกระชากสร้อยเอง ก็ต้องมีความผิดฐานร่วมเป็นตัวการกระทำการปล้นทรัพย์ด้วย จำเลยที่ 1 มีมีดเป็นอาวุธ แม้มิได้ใช้หรือแสดงอาวุธนั้นในการกระทำผิด และจำเลยที่ 2 ก็ไม่ทราบว่าจำเลยที่ 1 มีอาวุธ ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานมีอาวุธทำการปล้นทรัพย์ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 14
คำรับสารภาพชั้นถูกจับกุมของจำเลยนั้น ศาลย่อมนำมาฟังประกอบพยานหลักฐานในสำนวนได้
การที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในสำนวนแล้วเชื่อตามพยานโจทก์ว่าจำเลยกระทำผิด และลงโทษจำเลยนั้น ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าพยานหลักฐานจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ แม้ไม่กล่าวในคำพิพากษาว่ารับฟังพยานหลักฐานจำเลยไม่ได้อย่างไร ก็ไม่ขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความ
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227

ผู้พิพากษา

เพียร ศรีอรุณ
สอน ไชยสุต
ธานินทร์ กรัยวิเชียร

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android