คำพิพากษาย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ โดยเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธที่ไม่รับของศาลชั้นต้น คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรก
คดีก่อนจำเลยที่ 1 เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลย ขอให้โจทก์คดีนี้ชำระค่าเสียหายเพราะเหตุส่งมอบพรมชำรุดบกพร่อง ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระราคาพรม ฟ้องโจทก์ทั้งสองคดีมิได้มีประเด็นข้อพิพาทอย่างเดียวกันจึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำในประเด็นที่ศาลได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในคดีก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144
โจทก์และจำเลยในคดีก่อนกับจำเลยที่ 1 และโจทก์ในคดีนี้เป็นคู่ความเดียวกัน และพิพาทกันในมูลสัญญาซื้อขายอันเดียวกัน คำพิพากษาในคดีเรื่องก่อนจึงผูกพันคู่ความในคดีนี้มิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 และเป็นผลให้ศาลในคดีนี้ต้องฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีก่อน เมื่อศาลอุทธรณ์คดีก่อนซึ่งจำเลยที่ 1เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลย พิพากษาว่า โจทก์ (จำเลยที่ 1 คดีนี้) ได้รับพรมที่สั่งซื้อจากจำเลย (โจทก์คดีนี้) และโจทก์ (จำเลยที่ 1 คดีนี้) มีโอกาสตรวจดูว่าตรงตามที่สั่งซื้อหรือไม่ โจทก์รับไว้โดยมิได้ทักท้วงแล้วนำไปติดตั้งให้ลูกค้า กรณีเช่นนี้จำเลย (โจทก์คดีนี้) ไม่ต้องรับผิด คดีถึงที่สุดแล้ว การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ (คดีนี้) เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ส่งมอบพรมตามคุณภาพที่ได้สั่งซื้อให้จำเลยและไม่สามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้ จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญา และไม่มีหน้าที่ชำระราคาให้โจทก์พิพากษายกฟ้อง จึงเป็นการฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากคดีก่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลและได้กระทำในนามของจำเลยที่ 1 ดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว.