คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า อ. ทำกลฉ้อฉลหลอกลวงขายที่ดินให้โจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวมีเนื้อที่เต็มตามโฉนด โจทก์หลงเชื่อจึงทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวกับ อ. ภายหลังโจทก์รังวัดที่ดินดังกล่าวได้เนื้อที่ไม่เต็มตามโฉนด โดยบางส่วนถูกตัดเป็นถนนโจทก์จึงบอกเลิกสัญญาแก่ อ. ขอเรียกมัดจำคืนและเรียกค่าเสียหาย ประเด็นมีว่าการซื้อขายที่ดินดังกล่าวเกิดจากการหลอกลวงของ อ. หรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์สำคัญผิดในจำนวนที่ดินซึ่งเป็นสาระสำคัญของนิติกรรมสัญญาซื้อขายเป็นโมฆะ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
อ.ถูกโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญาข้อหาฉ้อโกง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีอยู่ระหว่างอายุอุทธรณ์ อ. ถึงแก่กรรม โจทก์จึงฟ้องทายาทและผู้จัดการมรดก อ. เป็นจำเลยคดีแพ่งว่า อ.ทำกลฉ้อฉลหลอกลวงขายที่ดินให้โจทก์เรียกเงินมัดจำคืนและเรียกค่าเสียหาย แม้คดีอาญาข้อหาฉ้อโกงจะต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง แต่โจทก์อาจอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย หรืออาจได้รับการรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ คดีอาญาระงับไปก่อนคดีถึงที่สุด. ดังนั้นจะนำข้อเท็จจริงในคดีอาญามารับฟังในคดีแพ่งไม่ได้ ต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งใหม่