คำพิพากษาย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกับจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ซึ่งไม่ใช่เจ้าพนักงานทำการจับกุมผู้เสียหายไป ทั้งที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้เสียหายได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด แล้วขู่เข็ญผู้เสียหายให้หาเงินมาให้มิฉะนั้นจะนำไปดำเนินคดีผู้เสียหายยอมหาเงินมาให้ตามที่จำเลยเรียกร้องระหว่างรอรับเงินค่าไถ่จำเลยได้หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้ในที่ต่างๆดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 313 ไม่ใช่เป็นการกระทำความผิดเฉพาะแต่มาตรา 148 เท่านั้นส่วนจำเลยอื่นมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 86 และมาตรา 313 ทั้งเป็นความผิดสำเร็จแล้วแม้จะยังไม่ได้รับเงิน
ความผิดฐานจับคนไปเรียกค่าไถ่นั้น จำเลยทุกคนเป็นตัวการในการกระทำความผิดด้วยกันได้ โดยการร่วมกันกระทำผิดแต่แบ่งแยกหน้าที่กันทำ
จำเลยที่ 2 ถูกจับได้พร้อมอาวุธปืนของกลางขณะไปรอรับเงินค่าไถ่ แม้จะยังไม่ได้ใช้อาวุธปืนนั้นกระทำความผิดใด แต่พกติดตัวอยู่ในสภาพที่จะนำออกใช้ได้เมื่อต้องการ แสดงถึงเจตนาของจำเลยที่ 2 ที่นำอาวุธปืนไปใช้ในกิจการรอรับเงินค่าไถ่โดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อนำไปปฏิบัติหน้าที่ตามใบอนุญาตพกของทางราชการ อาวุธปืนของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) อันศาลจะพึงใช้ดุลพินิจสั่งริบได้