คำพิพากษาย่อสั้น
ความตามคำฟ้องโจทก์ว่า จำเลยลงลายมือชื่อบุคคลอื่นเบิกเงินจากธนาคารและสลักหลังแคชเชียร์เช็ค เป็นการหลอกลวงธนาคาร ทำให้ธนาคารหลงเชื่อว่าเป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของบุคคลนั้น จำเลยกระทำการทุจริตเพื่อให้ได้เงินจากธนาคาร และจำเลยได้เงินจากธนาคารไปโดยธนาคารสั่งจ่ายเงินให้จำเลยเอง ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง หาใช่ความผิดฐานลักทรัพย์ดังที่โจทก์ฟ้องไม่ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ได้
สำนวนแรกการที่จำเลยปลอมลายมือชื่อ ย.ลงในใบถอนเงินนำไปใช้แสดงต่อธนาคาร จนธนาคารสั่งจ่ายเงินแล้ว จำเลยก็ยังรับเงินจำนวนนั้นไปไม่ได้เพราะจำเลยไม่ใช่ ย. จำเลยจึงนำเงินจำนวนดังกล่าวไปเปลี่ยนเป็นแคชเชียร์เช็คจ่ายตามคำสั่งของ ย. แล้วจำเลยก็ปลอมลายมือชื่อของ ย. สลักหลังลอยในแคชเชียร์เช็คฉบับดังกล่าว นำไปเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย เห็นได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งหมดก็เพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษ
สำนวนหลังจำเลยปลอมลายพิมพ์นิ้วมือ ร.ในใบถอนเงินนำไปใช้แสดงต่อธนาคาร จนธนาคารสั่งจ่ายเงินและจำเลยนำเข้าบัญชีของ ฮ. ให้ ฮ.สั่งจ่ายเงินสดจำนวนนี้ จำเลยได้เงินจำนวนนี้ไปเป็นความผิดสำเร็จขาดตอนไปแล้ว เมื่อจำเลยนำเงินจำนวนนี้รวมกับเช็คที่ ท. สั่งจ่ายเงินสดไปแลกเป็นแคชเชียร์เช็คจ่ายตามคำสั่งของ ท.แล้วจำเลยปลอมลายมือชื่อ ท. สลักหลังลอบในแคชเชียร์เช็คฉบังดังกล่าวนำไปเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยก็เป็นความผิดสำเร็จอีกตอนหนึ่ง การกรทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษจำเลยทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91